ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน ลิเวอร์พูล พังคาแอนฟิลด์ แพ้ ไบรจ์ตัน สุดช้ำ

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล พลาดท่าแพ้ ไบรจ์ตัน คาบ้านไปแบบสุดช้ำ และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้

1.ลิเวอร์พูลแนวรุกฝืด-ไบรจ์ตันสวนเจ็บ

ก่อนเกมหลายฝ่ายคิดว่า ไบรจ์ตัน คงจะมาเน้นตั้งรับ แต่ เกรแฮม พอตเตอร์ สร้างความตื่นตะลึงด้วยการเปิดเกมแลกกับหงส์แดงทุกครั้งที่มีโอกาส อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเกือบขึ้นนำเร็วจาก ซาลาห์ แต่ยิงข้ามคานออกไป และที่สำคัญเกมรับของ ไบรจ์ตัน ยังจัดระเบียบกันได้ดี แม้ว่าลิเวอร์พูลจะหาทางเข้าไปทำประตู แต่จังหวะสุดท้ายก็ติดบล็อกของแนวรับนกนางนวลแทบจะทุกจังหวะ เรียกได้ว่าความเฉียบคมของแนวรุกหงส์แดงเริ่มฝืดอีกครั้งแล้ว ส่วนไบรจ์ตันกล้าบุก เนื่องจากมองว่าหงส์แดงมีเซ็นเตอร์แบ็กอาชีพในสนามแค่คนเดียวก็คือ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ที่จับคู่กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางที่มารับหน้าที่กองหลังชั่วคราว ซึ่งก็ถือว่าพวกเขาสามารถปั่นป่วนแนวรับหงส์แดงได้พอสมควร ก่อนที่ครึ่งแรกจะจบลงด้วยสกอร์ 0-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลังช่วง 20 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ค่อนข้างที่จะทำได้ดีกว่า ได้ลุ้นจากลูกยิงของ เฟอร์มิโน 2 หนติดๆ แต่ก็ติดบล็อกและยิงแฉลบหลุดกรอบออกไป กระทั่งนาทีที่ 56 กลายเป็นไบรจ์ตันที่ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ซอลลี มาร์ช เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ แดเนียล เบิร์น โหม่งตั้งเข้ากลาง นาธาเนียล ฟิลลิปส์ พยายามสกัดบอล แต่โดนไม่เต็ม บอลมาเข้าทาง เลอันโดร ทรอสซาร์ด และมาเข้าทาง สตีเวน อัลซาเต ยิงเข้าไปตุงตาข่าย จากนั้นหงส์แดงพยายามลุยหนักหวังทวงประตูคืน แต่กลายเป็น ไบรจ์ตัน ที่สวนมาแต่ละทีเจ็บๆ ทั้งนั้น เริ่มจาก ปาสกาล กรอสส์ ซัดไปติดเซฟ ควิวีน เคลเลเฮร์ ก่อนที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ด จะได้ยิงอีกครั้ง แต่ เคลเลเฮอร์ ก็ยังทุบออกไปได้อีก และสุดท้ายครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล แพ้ ไบรจ์ตัน คาบ้านไปในที่สุด 0-1

2.เลอันโดร ทรอสซาร์ด-อีฟส์ บิสซูมา ฟอร์มเฉียบ

นัดนี้ถ้าให้เลือกนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของ ไบรจ์ตัน คงเลือกได้ยากมาก เพราะเล่นดีกันหลายคน จึงขอยกให้ 2 รายเป็นพิเศษ ประกอบด้วย ทรอสซาร์ด กับ บิสซูมา โดย ทรอสซาร์ด สามารถขับเคลื่อนเกมรุกของ ไบรจ์ตัน ได้อย่างน่ากลัว เขาทำได้ดีมากในการพาบอลตะลุยไปข้างหน้า มีบางจังหวะที่เลี้ยงแหวกแข้งหงส์แดงไปแบบดื้อๆ ความสามารถเฉพาะตัวและการเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ เก่งมากๆ ขณะที่ บิสซูมา กองกลางจอมแกร่ง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีข่าวว่าได้รับความสนใจจากหลายสโมสรรวมถึง ลิเวอร์พูล ด้วย และนัดนี้เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมต่อหน้าต่อตา เยอร์เกน คลอปป์ ไม่ว่าจะเป็นเกมรับหรือเกมรุกก็ทำได้อย่างไร้ที่ติ ถ้าสุดท้ายหงส์แดงไม่ต่อสัญญากับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ต้องบอกเลยว่า บิสซูมา ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

3.ควิวีน เคลเลเฮอร์ ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว

เกมนี้ ควิวีน เคลเลเฮร์ จอมหนึบอนาคตไกลของ ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริง แทนที่ อลิสสัน เบคเกอร์ มือ 1 ของทีมที่มีอาการป่วย ไม่สามารถลงสนามได้ ซึ่ง เคลเลเฮอร์ ก็สามารถแทนที่ได้เป็นอย่างดี แม้สุดท้ายจะเสียไป 1 ประตู แต่ก็มีชอตเซฟสวยๆ ให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นจังหวะพุ่งปัดลูกยิงของ ปาสกาล กรอสส์ และยังทุบลูกยิงของ เลอันโดร ทรอสซาร์ด ออกไปได้อีก รวมถึงมีจังหวะออกมาตัดบอลสวยๆ สมาธิค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่ เยอร์เกน คลอปป์ เลือกให้เป็นมือ 2 ของทีม เหนือกว่าจอมหนึบมากประสบการณ์อย่าง อาเดรียน ที่มักจะฟอร์มออกทะเลหลายครั้งตอนที่ได้รับโอกาส

4.หงส์ลุ้นแชมป์ยากขึ้น

จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ยังนอนนิ่งอยู่ที่ 40 คะแนนเท่าเดิม แถมยังร่วงจากอันดับ 3 ลงมาอยู่อันดับ 4 เนื่องจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงแข่งในวันเดียว บุกไปเอาชนะ ฟูแลม ได้สำเร็จ 2-0 ทำให้เก็บเพิ่มเป็น 42 คะแนน แซงหงส์แดงขึ้นมาอยู่อันดับ 3 และที่สำคัญการปราชัยในครั้งนี้ยังทำให้ ลิเวอร์พูล ตามหลังจ่าฝูงอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ห่างถึง 7 คะแนน แถมยังแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัดด้วย เรียกได้ว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของหงส์แดงในปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว ถ้ายังไม่สามารถรักษาความคงเส้นคงวาและเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่องได้ แถมยังต้องลุ้นให้ เรือใบสีฟ้า พลาดท่าสะดุดบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องยากอีกเช่นกัน เพราะเวลานี้เรือใบสีฟ้าฟอร์มเข้าฝักแบบสุดๆ ต้องมาดูกันว่า เยอร์เกน คลอปป์ จะแก้ไขปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นของทีมอย่างไร เพื่อกลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง.