ประมวล 6 ช่วงเวลาสำคัญ ส่ง “แมนฯ ซิตี้” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 5

เดลี เมล์ รวบรวม 6 ช่วงเวลาสำคัญในฤดูกาลนี้ที่ส่งเสริมให้ แมนฯ ซิตี้ เถลิงแชมป์สมัยที่ 5 ในยุคพรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 7

วันที่ 12 พ.ค. 64 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การันตีตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020-2021 อย่างเป็นทางการหลังจากผ่านไป 35 นัด ทันทีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองแพ้คาบ้านให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 เมื่อคืนที่ผ่านมา

ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” มีคะแนนนำห่าง “ปิศาจแดง” 10 แต้ม ในขณะที่เหลือโปรแกรมอีกเพียง 3 เกมเท่ากัน ไล่ไม่ทันแน่นอนแล้ว ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสเปนจึงคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ในรอบ 4 ฤดูกาลหลังสุด รวมถึงเป็นแชมป์สมัยที่ 5 ในยุคพรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 7 นับรวมยุคดิวิชั่น 1 เดิม

เดลี เมล์ สื่อดังของอังกฤษได้ประมวล 6 ช่วงเวลาที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ แมนฯ ซิตี้ ก่อนรูดม่านปิดฉากการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อย่างเป็นทางการ

1. วันที่ 30 กันยายน 2020 : รูเบน ดิอาส ย้ายจาก เบนฟิกา เข้ามาเสริมแกร่งในแนวรับ

3 วันให้หลังจากการถูก เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมาถลุงยับคาถิ่นเอติฮัด สเตเดียม ถึง 5-2 ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ไม่รอช้า ทุ่มเงิน 62 ล้านปอนด์ (2,666 ล้านบาท) คว้าตัว รูเบน ดิอาส จาก เบนฟิกา เข้ามาอุดรูรั่วหลังบ้าน พร้อมส่ง นิโคลัส โอตาเมนดี ที่มีค่าตัวเหลือ 15 ล้านปอนด์ (645 ล้านบาท) ให้ย้ายสลับขั้วกัน

นี่ถือเป็นการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญที่สุดของฤดูกาลนี้ เมื่อ ดิอาส ที่มาพร้อมกับความเป็นผู้นำในแผงหลัง สามารถจับคู่กับ จอห์น สโตนส์ ได้อย่างลงตัว กลายเป็นกำแพงเหล็กคู่ใหม่ของพรีเมียร์ลีก หลังจากบุกไปแพ้ สเปอร์ส 0-2 เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ทั้งคู่ก็ขันเกมรับของ “เรือใบสีฟ้า” ได้อย่างแน่นหนาจนกลายเป็นทีมที่พร้อมปราบคู่แข่งทุกรายที่ขวางหน้า

2. วันที่ 15 ธันวาคม 2020 : แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านทำได้แค่เสมอ เวสต์บรอมวิช 1-1

วันนั้นลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา น่าจะเป็นผู้ชนะได้ไม่ยาก แต่เมื่อถูก “เดอะ แบ็กกีส์” ตามตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรกจากการยิงแฉลบ รูเบน ดิอาส เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง แล้ว ราฮีม สเตอร์ลิง กับ อิลคาย กุนโดกัน พลาดโอกาสปิดเกมในช่วงท้าย ทำให้กุนซือชาวสเปนกลับมาทบทวนปัญหาในแนวรุกที่ขาดความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้าย

หลังจบเกม เป๊ป ได้เรียกทีมงานสตาฟฟ์โค้ชเข้ามาประชุมด่วน เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุดด้วยการปรับโครงสร้างการเล่นใหม่ ขณะที่ แฟร์นันดินโญ กัปตันทีมก็ได้ออกมาพูดปลุกใจเพื่อนร่วมทีมให้เค้นฟอร์มเก่งกลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้น “เรือใบสีฟ้า” ก็แล่นฉิวติดลมบนด้วยการกวาดชัยชนะอย่างต่อเนื่องทุกรายการ 20 นัดรวด พร้อมขึ้นแท่นนั่งจ่าฝูง โดยทิ้งห่างคู่แข่งลุ้นแชมป์ออกไปหลายช่วงตัว

3. วันที่ 3 มกราคม 2021 : แมนฯ ซิตี้ บุกสยบ เชลซี ถึงถิ่น 3-1

แม้โรคโควิด-19 จะเล่นงานในแคมป์ตั้งแต่ก่อนช่วงคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยโปรแกรมชุกชุม จนต้องเลื่อนโปรแกรมบ็อกซิ่งเดยที่จะบุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มคิกออฟ และเกมแรกหลังปีใหม่ก็เป็นการเจอศึกหนักนอกบ้านอย่าง เชลซี ในสภาพที่ขาดผู้เล่นซึ่งติดเชื้อไปถึง 6 คน

เกมนั้น “เรือใบสีฟ้า” ขาดตัวหลักอย่าง เอแดร์สัน, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ กาเบรียล เชซุส ในขณะที่ เซร์คิโอ อเกวโร ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมายังไม่ฟิตสมบูรณ์ก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง จนไม่เหลือกองหน้าอาชีพ แต่ด้วยมันสมองของ เป๊ป ที่วางแท็กติกในระบบ “ฟอลส์ ไนน์” (False 9) ทำให้ แมนฯ ซิตี้ บุกไปคว้าชัยได้อย่างสวยสดงดงามจากการเฉิดฉายของ เควิน เดอ บรอยน์ ในตำแหน่งกองหน้าตัวหลอก

4. วันที่ 17 มกราคม 2021 : แมนฯ ซิตี้ เปิดรังสอนเชิง คริสตัล พาเลซ 4-0

วันเดียวกันกับที่ แมนยูฯ รองจ่าฝูงบุกไปฟาดฟันกับ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลในเกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ ก่อนจบลงด้วยผลเสมอแบบไม่มีสกอร์ 0-0 ขุนพล “เรือใบสีฟ้า” ก็ไล่ต้อน “ดิ อีเกิลส์” ไปแบบไม่ยากเย็น

นอกจากนั้น อิลคาย กุนโดกัน ยังเฉิดฉายด้วยการแจ้งเกิดหลังจากถูกดันขึ้นไปเล่นกองหน้าตัวหลอกในระบบ “ฟอลส์ ไนน์” (False 9) ก่อนที่กองกลางทีมชาติเยอรมนีจะระเบิดฟอร์มทะลวงตาข่ายได้มากที่สุดในชีวิตการค้าแข้ง ซึ่งเขาซัดไปแล้วถึง 16 ประตู มากที่สุดในทีม แมนฯ ซิตี้ สำหรับฤดูกาลนี้

5. วันที่ 20 มกราคม 2021 : แมนฯ ซิตี้ 2-0 แอสตัน วิลลา

นี่เป็นเพียงไม่กี่เกมที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องใช้เวลานานกว่าจะเจาะคู่แข่งได้ ซึ่งแมตช์นี้ต้องรอจนถึงนาทีที่ 79 กว่าจะมีสกอร์แรก ซึ่งเกิดขึ้นจากจังหวะปัญหาที่ถกเถียงกันว่าล้ำหน้าหรือไม่ แต่ แบร์นาร์โด ซิลวา ไม่สนใจและก้มหน้าก้มตาเล่นต่อไปจนได้ประตูปลดล็อกที่ต้องการ

ด้าน ดีน สมิธ กุนซือ “สิงห์ผยอง” ถึงกับบ่นเป็นชุดว่า โรดรี ขยับมาจากตำแหน่งล้ำหน้าก่อนแย่งบอลจาก ไทโรน มิงส์ ที่ไม่ทันระวังตัวจากด้านหลังจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะที่ส่งให้ “เรือใบสีฟ้า” ทะยานขึ้นมารั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกหลังจบนัดที่ 19

6. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ : แมนฯ ซิตี้ บุกสอนบอล ลิเวอร์พูล จนหมดสภาพคาแอนฟิลด์ 4-1

เมื่อเวลาผ่านไปสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ความมั่นใจของ “เรือใบสีฟ้า” ก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขีดสุด ชนิดที่ใครจะมาหยุดก็ฉุดไม่อยู่ แม้แต่ “หงส์แดง” แชมป์เก่าที่ ณ ขณะนั้นยังพอมีความหวังป้องกันแชมป์อยู่ ก็ยังถูกยัดเยียดความปราชัยคาบ้านแบบไร้ทางสู้ จากความผิดพลาดแบบจะแจ้งของ อลิสสัน เบคเกอร์ ที่แจกส้มหล่นถึง 2 ครั้ง

ชัยชนะในวันนั้นถือเป็นครั้งแรกของ แมนฯ ซิตี้ ที่บุกมาคว้า 3 แต้มจากถิ่นแอนฟิลด์นับตั้งแต่ปี 2003 พร้อมกับการปลดปล่อยพรสวรรค์อย่างเต็มที่ของ ฟิล โฟเดน มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่เล่นงานแนวรับ ลิเวอร์พูล จนเสียผู้เสียคน ก่อนยิงแสกหน้า อลิสสัน เป็นประตูปิดเกมคว้าชัยอย่างสมบูรณ์แบบ.