สำหรับแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล ต้อนรับการมาเยือนของ เอฟซี ปอร์โต้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี วันพุธที่ 24 พฤศจิกายนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่กุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ จะโรเตชั่นแบบยกแผง
การที “หงส์แดง” เข้ารอบน็อกเอาต์พร้อมคว้าแชมป์กลุ่ม บี แน่นอนว่าทำให้ คล็อปป์ อาจไม่เสี่ยงใช้ทีมชุดใหญ่ลงเล่น เพราะหากย้อนไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา พวกเขาเคยทำพลาดมหันต์ในการส่ง ดีโอโก้ โชต้า ลงสนามทั้ง ๆที่เข้ารอบไปแล้ว และสุดท้ายนักเตะได้รับบาดเจ็บ จนส่งเสียทำให้ทีมฟอร์มร่วงกราวรูด
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า กุนซือชาวเยอรมัน คงจะไม่ส่งผู้เล่นดาวรุ่งและตัวสำรองแบบยกแผง เพราะอย่างน้อยๆ การเล่นต่อหน้าสาวก “เดอะ ค็อป” ในแอนฟิลด์ ควรจะโชว์ฟอร์มให้ดีที่สุดเพื่อความสุขของแฟนบอล
1. ไม่เสี่ยงเหมือนเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
จากการที่ ลิเวอร์พูล ตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่มไปแล้ว งานนี้ คล็อปป์ คงเลือกที่จะไม่เสี่ยงใช้งานผู้เล่นตัวหลักโดยเฉพาะแนวรุกที่พวกเขามีจำกัดจำเขี่ยเหลือเกิน
ในเวลานี้ตัวเลือกหลักในแนวรุกของ คล็อปป์ เหลือแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ ดีโอโก้ โชต้า ฉะนั้นเขาคงจะตัดสินใจที่จะดร็อปป์สองในสนามเพื่อพักร่างกาย หลังจากกรำศึกหนักมาในเกมล่าสุดที่ไล่ต้อน อาร์เซน่อล
หากจำกันได้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา คล็อปป์ ติดชะล่าใจเกินไปหน่อยในเกมเยือน มิดทิลแลนด์ ด้วยการส่ง โชต้า ลงสนามทั้งๆ ที่ “เดอะ เร้ดส์” เข้ารอบไปแล้ว สุดท้ายกลายเป็นผลร้ายเมื่อ ดาวเตะชาวโปรตุกีส เจ็บหนัก และส่งผลกระทบทำให้ทีมฟอร์มหลุดจนหมดลุ้นแชมป์ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก
ฉะนั้นแมตช์นี้เชื่อขนมกินได้เลยว่า คล็อปป์ ไม่เสี่ยงแน่นอน ยิ่งปัจจุบันทีมมีลิสต์รายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าว ด้วยสถานการณ์ในเวลานี้จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นที่จะทำให้ทีมต้องประสบปัญหาวิกฤติเรื่องขุมกำลัง
2. ดาวรุ่ง-ตัวสำรองเตรียมโชว์ของ
สำหรับการโรเตชั่นในแมตช์นี้แน่นอนว่า คล็อปป์ คงไม่ใช่นักเตะดาวรุ่งผสมตัวสำรองแบบยกแผง เพราะเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป แต่คงจะเปลี่ยนแปลงทีมโดยมีแข้งประสบการณ์ช่วยประคับประคองทีม
แน่นอนว่าตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กคงจะเป็นโอกาสดีของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่จะได้กลับมายืนตัวจริงโดยมี โฌแอล มาติป ซึ่งทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ ในช่วงที่ผ่านมา คอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ส่วน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จะได้รับโอกาสพักฟื้นร่างกายหลังกรำศึกหนักอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตำแหน่งฟูลแบ็กงานนี้ คล็อปป์ คงเลือกใช้งาน เนโก วิลเลี่ยมส์ แทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขณะที่ทางฝั่งซ้ายน่าจะเป็นหน้าที่ของ คอสตาส ซิมิกาส เพราะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยังไม่สมบูรณ์ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเสี่ยงลงเล่น
ส่วนที่น่าสนใจที่สุดคงจะเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์เพราะ คล็อปป์ คงจะจับ ไทเลอร์ มอร์ตัน ดาวรุ่งพุ่งแรงลงสนามอีกแมตช์ หลังเกมล่าสุดโชว์ลีลาไม่ธรรมดาในเกมต้อน อาร์เซน่อล งานนี้เจ้าหนูวัย 19 ปีคงได้กอบโกยประสบการณ์ในเวทียุโรปเต็มที่
3. โอริกี้, มินามิโนะ ได้โอกาสพิสูจน์ศักยภาพ
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในข้อแรก ลิเวอร์พูล ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงใช้งานแนวรุกที่มีจำกัด ฉะนั้นกุนซือเลือดด๊อยท์ช คงเลือกที่จะพักผู้เล่นตัวเก่งของเขาเอาไว้เพื่อให้ร่างกายฟิตสมบูรณ์
เชื่อว่า คล็อปป์ คงดร็อป โชต้า เพื่อป้องกันเรื่องอาการบาดเจ็บ แต่ด้วยการที่ใช้ระบบการเล่น 4-3-3 งานนี้ ซาลาห์ กับ มาเน่ น่าจะได้ลงสนามโดยมี ดิว็อค โอริกี้ กับ ทาคุมิ มินามิโนะ ได้เป็นตัวหลักในเกมรุก
ทั้ง โอริกี้ กับ มินามิโนะ กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในรายของ ดาวเตะชาวเบลเยียม เพิ่งยิงประตูในเกมพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขณะที่ “ทาคิ” ก็ยิงประตูได้ในเกมถล่ม อาร์เซน่อล ฉะนั้นสองคนนี้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม และต้องการสร้างความประทับใจให้กับ “บอส” อย่างมาก
แน่นอนว่าทั้ง โอริกี้ และ มินามิโนะ คงเป็นยางอะไหล่ให้กับ “บังโม”, มาเน่, โชต้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่ถ้าทั้งคู่ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ก็มีความเป็นไปได้ที่ คล็อปป์ จะให้โอกาสลงสนามบ่อยๆ
4. รักษาโมเมนตัมแห่งชัยชนะ
หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ฟอร์มสะดุดในช่วงก่อนพักเบรกทีมชาติ ตอนนี้พวกเขากลับมาสู่ฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังไล่ต้อน อาร์เซน่อล สบายเกือกในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฉะนั้น คล็อปป์ คงจะกระตุ้นลูกทีมจัดการ ปอร์โต้ ให้อยู่หมัดเพื่อรักษาจังหวะการเล่นที่ยอดเยี่ยมต่อไป
อย่าลืมว่าในช่วงเวลานี้ของฤดูกาลที่ผ่านมา “เดอะ เร้ดส์” ฟอร์มเริ่มตกอย่างน่าใจหาย และนั่นเป็นประสบการณ์ที่ คล็อปป์ แอนด์ โค. ต้องจดจำเอาไว้เป็นบทเรียน ฉะนั้นต่อให้ทีมใช้ระบบโรเตชั่นแต่พวกเขาก็พร้อมทุ่มเทเพื่อรักษาโมเมนตัมแห่งชัยชนะต่อไป
สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากโปรแกรมของ ลิเวอร์พูล หลังจากนี้ไม่ค่อยหนักมากนัก ดังนั้นหากทีมมีโมเมนตัมที่ยอดเยี่ยม โอกาสที่พวกเขาจะเก็บ 3 คะแนนอย่างต่อเนื่องก็มีค่อนข้างสูง
5. สร้างความฮึกเหิมก่อนดวลเซาธ์แฮมป์ตัน
แม้ว่าทีมจะผ่านเข้ารอบไปแล้วก็ตามแต่ คล็อปป์ คงต้องการเห็นพลพรรค “หงส์แดง” ไล่อัด ปอร์โต้ ในเกมนี้ เพราะว่าพวกเขาลงเล่นที่ แอนฟิลด์ ฉะนั้นการสร้างความสุขให้กับแฟนบอลเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆ
ขณะเดียวในแมตช์ต่อไปต้องลงเล่นในถิ่นตัวเองอีกครั้งรับมือ เซาธ์แฮมป์ตัน ในเกมลีกซึ่งทีมจะพลาดไม่ได้เช่นกันเนื่องจากตอนนี้พวกเขาตามหลัง เชลซี จ่าฝูง 4 คะแนน แถมนัดถัดไปต้องทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ด้วย ฉะนั้น คล็อปป์ จึงต้องการสร้างความฮึกเหิมให้กับลูกทีมเพื่อโอกาสในการสร้างผลงานแข็งแกร่งต่อไปเรื่อยๆ อย่าลืมว่าการสะดุดในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ อาจจะทำให้ความมั่นใจของทีมขาดหายไปได้เลยทีเดียว