เบรนแดน ร็อดเจอร์ส รีบออกตัวว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่คิดถึงการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังถูกสื่อจี้ถามจากเกมบุกไปถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด จนตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูลแค่ 1 แต้ม พร้อมสถิติที่น่าสนใจADVERTISING
วันที่ 3 พ.ย. 63 ควันหลงฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-2021 นัดที่ 7 ซึ่ง เลสเตอร์ ซิตี้ บุกไปถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่ถึงถิ่น 4-1 พร้อมกับขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงที่ 15 คะแนน ตามหลังแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ที่นำเป็นจ่าฝูงในตอนนี้อยู่เพียงแค่แต้มเดียว
หลังจบเกม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ “จิ้งจอกสยาม” จึงถูกสื่อถามว่าพร้อมแล้วหรือยังที่จะกลับมาลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเหมือนกับยุคที่ เคลาดิโอ รานิเอรี อดีตผู้จัดการทีมชาวอิตาลีเคยสร้างปาฏิหาริย์พาทีมคว้าแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อในซีซั่น 2015-2016 ทั้งที่ฤดูกาลก่อนหน้านั้นเพิ่งลุ้นหนีตกชั้น
อย่างไรก็ตาม ร็อดเจอร์ส รีบออกตัวทันทีว่า “ถ้าเราอยู่อันดับนี้ในเดือนมีนาคมหรือเมษายน มันก็คงจะดีไม่น้อย แต่ตอนนี้หนทางยังอีกยาวไกล ส่วนเกมนี้ผมคิดว่าลูกทีมทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ เราพยายามทำตามแท็กติกอย่างมีวินัย และเล่นให้ได้ตามแผนที่เตรียมมาเมื่อเราได้ครอบครองบอล ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจ”
ส่วนสถิติที่น่าสนใจในเกมนี้ มีดังต่อไปนี้
- เลสเตอร์ ซิตี้ เก็บได้ 15 คะแนนจาก 7 นัดแรก ถือเป็นการออกสตาร์ตในลีกสูงสุดที่ดีที่สุดของสโมสรเทียบเท่ากับในฤดูกาล 2000-2001
- เลสเตอร์ ชนะเกมเยือนทั้ง 4 นัดแรกของฤดูกาลได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ตลอด 116 ปีที่ลงเล่นในระบบลีกอาชีพของอังกฤษ
- ลีดส์ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้านในลีก 2 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในยุคของกุนซือ มาร์เซโล บิเอลซา (ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2018 ซึ่งยังคุมทีมโดย พอล เฮ็คกิงบอตทอม)
- เจมี วาร์ดี มีส่วนโดยตรงกับการได้ 13 ประตูของ เลสเตอร์ ตลอด 12 นัดหลังสุดที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก (11 ประตู 2 แอสซิสต์) พร้อมกับเป็นคนที่ 2 ของสโมสรที่ทำแอสซิสต์ได้อย่างน้อย 30 ครั้งในพรีเมียร์ลีกต่อจาก สตีฟ กัปปี (34 แอสซิสต์)
- วาร์ดี เป็นนักเตะคนที่ 7 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูในเกมเยือนได้ 9 นัดติดต่อกันขึ้นไป โดยคนสุดท้ายที่ทำก่อนหน้านี้ คือ แฮร์รี เคน (สเปอร์ส) ที่ยิงได้ในเกมเยือน 13 นัดติดต่อกัน เมื่อเดือนกันยายน ปี 2017
- สจวร์ต ดัลลาส เป็นผู้เล่นชาวไอร์แลนด์เหนือคนแรกของ ลีดส์ ที่ยิงได้ในลีกสูงสุดของอังกฤษ นับตั้งแต่ ไนเจล เวิร์ทธิงตัน เคยยิง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1994
Credit : https://www.thairath.co.th/