หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สั่งปลด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามควานหากุนซือคนใหม่เพื่อเข้ามากอบกู้สถานการณ์ของทีมที่กำลังย่ำแย่อยู่ในเวลานี้ โดยแต่ละคนที่ตกเป็นข่าวก็มีดีกรีที่น่าสนใจทั้งนั้น แต่พวกเขาเหมาะที่จะคุม “ผีแดง” ในช่วงวิกฤติหรือเปล่า !!?
ปัจจุบัน “เร้ด เดวิลส์” ตัดสินใจแต่งตั้ง ไมเคิ่ล คาร์ริค เข้ามากุมบังเหียนชั่วคราวในช่วงที่พวกเขากำลังหาผู้จัดการทีมคนใหม่ แต่ดูเหมือนแฟนบอลและนักเตะบางคนในทีมไม่ค่อยเชื่อมั่นศักยภาพของเขามากนัก
เนื่องจากบุคลิกส่วนตัวของ คาร์ริค ก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก โซลชา ที่ดูติ๋มๆ หงิมๆ ขาดความน่ายำเกรง แถมทั้งสองคนก็เป็นทีมงานคุณภาพที่นั่งซุบซิบกันอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองมากกว่าที่จะยืนสั่งการลูกทีมอยู่ข้างสนาม
ด้วยเหตุนี้ทำให้สาวก “เร้ด อาร์มี่” จำนวนมากอยากให้สโมสรแต่งตั้งคนที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด โดยอาจจะเป็นแค่กุนซือขัดตาทัพไปจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้ก่อนก็ได้ ดีกว่าจะเสี่ยงใช้งาน คาร์ริค เพราะอาจจะทำให้ทีมเกิดผลเสียหายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แน่นอนว่าการหากุนซือชั่วคราวควรจะต้องเป็นคนที่มีหัวใจนักสู้ กล้าสั่งกล้าด่าพวกนักเตะสตาร์ประจำทีม โดยปัจจัยสำคัญในเวลานี้ก็คือนายใหญ่คนใหม่จะต้องสามารถปลุกวิญญาณความเป็น “ปีศาจแดง” กลับคืนมาให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องการกอบกู้ความยิ่งใหญ่ เอาไว้ค่อยว่ากันหลังจบซีซั่นนี้
แล้วผู้จัดการทีมคนไหนที่สามารถปลุกจิตวิญญาณแมนฯ ยูไนเต็ด ได้บ้างละ !?!? อย่าลืมว่าการปลุกผีถ้าใช้ผีมันจะกระเตื้องได้ยังไง มันต้องใช้ “หมอผี” ซิ จริงไหม ??
1. รอย คีน
เชื่อว่า รอย คีน เป็นชื่อแรกที่เหมาะอย่างยิ่งในการกุมบังเหียนแมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลานี้ เพราะเขาเป็นทั้งตำนานกัปตันทีม และยังมีประสบการณ์ในการกุมบังเหียนมาพอสมควร
แม้ “คีโน่” กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะมีปัญหากันนับตั้งแต่ที่ฝ่ายแรกแขวนสตั๊ด และเขาก็มักจะวิจารณ์ทีมในด้านลบบ่อยๆ แต่หากถามเรื่องหัวใจแล้วแน่นอนว่า “ผีแดง” ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา
คีน เป็นหนึ่งในนักเตะที่นำความสำเร็จมาสู่ทีมมากมาย เป็นกัปตันทีมที่มีอิทธิพลสู้ทั้งในห้องแต่งตัว และในสนาม แถมยังเป็นคนกล้าได้กล้าเสียพร้อมทุ่มเทชีวิตเพื่อทีมอย่างเต็มที่
แม้ประวัติการเป็นกุนซือของเขาอาจจะไม่ได้สวยหรูเลิศเลอเพอร์เฟกต์ แต่หาก ตำนานกองกลางชาวไอริช ทำหน้าที่กุมบังเหียนแมนฯ ยูไนเต็ด เชื่อว่าเขาพร้อมที่จะจัดหนักจัดเต็มบรรดาสตาร์ของทีมที่เล่นเอื่อยเฉื่อยไม่ทุ่มเท แบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมอยู่แล้ว
ฟันธงได้เลยว่า คีน กล้าที่จะด่าและดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แบบไม่เกรงใจ ส่วน ปอล ป็อกบา มีโอกาสโดนตบกบาลจากกรณีเล่นแอ็กหรือใช้เวลาเปลี่ยนทรงผมมากกว่าซ้อม ขณะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ บอกเลยว่าคงโดนด่าจนสำนึกผิดแทบไม่ทันแน่นอน
การที่ คีน มาคุมแมนฯ ยูไนเต็ด สาวก “เร้ด อาร์มี่” ต้องทำใจเอาไว้อย่างหนึ่งว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เห็นฟอร์มสวยหรูของทีม หรือการไล่เก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น แต่สิ่งที่แฟนบอลจะได้เห็นก็คือจิตวิญญาณที่สู้ไม่ถอย และไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งนั้น
2. เอริก คันโตน่า
หากจะหาคนที่มีบารมีเหนือกว่า รอย คีน ก็ต้องเป็น เอริก คันโตน่า เท่านั้น มหาบุรุษคนนี้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับตราสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอดทั้งชีวิตในวงการลูกหนังของเขา
“เดอะ คิง” สมญานามนี้เป็นการการันตีได้ถึงความเป็นที่รักและที่เทิดทูนของแฟนบอล และนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคน และด้วยบารมีของเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเจ้าตัวจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกุนซือขัดตาทัพ เพื่อปลุกวิญญาณความเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ออกมาจากนักเตะชุดปัจจุบัน
ความยิ่งใหญ่ของ คันโตน่า ในฐานะนักฟุตบอล คงไม่ต้องพูดถึงเพราะแฟนบอล “ปีศาจแดง” ตั้งแต่รุ่นใหญ่ไปจนถึงวัยกะเต๊าะน่าจะรู้อยู่แล้ว เพราะประวัติศาสตร์ของเขาได้รับการกล่าวขวัญกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
คันโตน่า เคยออกมาพูดช่วงหลายปีก่อนหน้านี้เขาก็พร้อมที่จะเข้ามารับงานกุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด และเชื่อว่าดีเอ็นเอของเขาสามารถสร้างสรรค์สไตล์ฟุตบอลในแบบที่แฟนบอลต้องการ เหมือนกับที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยทำเอาไว้
สำหรับประสบการณ์ด้านโค้ชต้องยอมรับว่า “ก็องโต้” แทบไม่มีเลย ดีที่สุดก็แค่เป็นกุนซือทีมฟุตบอลชายหาดทีมชาติฝรั่งเศส กับผู้อำนวยการฟุตบอลให้กับนิวยอร์ค คอสมอส เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ แมนฯ ยูฯ ต้องการคนที่มาปลุกขวัญกำลังใจ และให้พวกเขาได้ซึมซับความเป็น “ผีแดง” อย่างแท้จริง ฉะนั้นด้วยอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของ คันโตน่า มันก็น่าจะทำให้เหล่าสตาร์ของทีมในเวลานี้ต้องเชื่อมั่น และยอมทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อคว้าชัยชนะให้กับทีม
ดีไม่ดีอาจจะได้เห็น “กังฟูคิก” ของ คันโตน่า บริเวณข้างสนามอีกครั้งก็ได้ แต่จะเป็นแฟนบอลคู่แข่ง หรือนักเตะแมนฯ ยูฯ ที่จะโดน อันนี้ก็ต้องลองจินตนาการกันเอาเอง
3. โลร็องต์ บล็องก์
สำหรับอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ โลร็องต์ บล็องก์ เพราะนี่ก็คือหนึ่งในนักเตะที่มีทั้งบารมี และประสบการณ์ในการทำงานโค้ชที่ถือว่าโชกโชนเลยทีเดียว
บล็องก์ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ให้กับอัล-ราย์ยาน ทีมในลีกประเทศกาตาร์ ประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะทั้งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และ ยูโร ขณะเดียวกันก็เล่นให้ “ผีแดง” ในช่วงบั้นปลายอาชีพ และคุมเกมรับให้กับทีมได้อย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย
สำหรับประสบการณ์ในการกุมบังเหียนก็ไม่ธรรมดา เพราะ บล็องก์ เคยคุม บอร์กโดซ์, ทีมชาติฝรั่งเศส และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาก่อน โดยเขาเคยพาทั้ง บอร์กโดซ์ และ “เปแอสเช” ได้แชมป์ ลีก เอิง ซะด้วย ถือว่าดีกรีไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ในขณะที่บุคลิกของเจ้าตัวก็มีความเป็นผู้นำสูง สมัยที่เป็นนักเตะก็ทำหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติมาแล้ว ส่วนการกุมบังเหียนก็ถือว่าเป็นโค้ชที่มีความดุดันน่าเกรงขามเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าด้วยความสำเร็จทั้งสมัยเป็นผู้เล่นและเทรนเนอร์ คงทำให้นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ยำเกรง บล็องก์ พอสมควร ที่สำคัญเขามีดีเอ็นเอ “ผีแดง” อยู่ในตัวด้วย ยิ่งทำให้ทุกๆ คนต้องเคารพเชื่อฟัง
4. ยาป สตัม
ในรายของ ยาป สตัม อาจจะดูมีความเป็นไปได้น้อยเหลือเกิน เพราะเขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จในงานโค้ชมากนัก แต่เรื่องหัวจิตหัวใจต้องบอกเลยว่า ตำนานแข้งดัตช์ไม่เป็นสองรองใครในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
สตัม ได้ชื่อว่าเป็นกองหลังที่ดีที่สุดคนหนึ่งของ แมนฯ ยูฯ เป็นนักเตะที่พร้อมตายเพื่อทีม และเล่นฟุตบอลได้หนักหน่วง เขาคือหนึ่งในแข้งชุดคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ 1999 ฉะนั้นเรื่องบารมีไม่ต้องพูดถึง มีเพียบอยู่แล้ว
ความเป็นความเฮี้ยบตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ จนกระทั่งก้าวขึ้นมาทำงานกุนซือต้องบอกเลยว่าดุดันสุดๆ และด้วยสไตล์แบบนี้เหมาะกับ แมนฯ ยูฯ ชุดอ่อนปวกเปียกที่เล่นฟุตบอลราวกับเดินแฟชั่น ขาดความมุ่งมั่นและความทุ่มเท
ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของ สตัม ก็คือการคุม เรดดิ้ง เข้าไปเล่นในรอบชิงเพลย์ออฟ ศึกแชมเปี้ยนชิพ แต่แพ้ดวลจุดโทษ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ นอกจากนี้ยังเคยคุม พีอีซี ซวอลเล่ และ เฟเยนูร์ด จากนั้นก็ไปหาความท้าทายใหม่ที่ดินแดนมะกันกับสโมสร เอฟซี ซินซินเนติ ในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (เอ็มแอลเอส) สหรัฐฯ แต่ก็เพิ่งโดนปลดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
แม้ว่าโปรไฟล์งานโค้ชอาจจะไม่สวยหรู แต่ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการคนที่จะมากระตุ้นดีเอ็นเอความเป็น “ผีแดง” ฉะนั้นมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนักหากจะได้คนที่เฮี้่ยบแบบเขาเข้ามาช่วยทีม
คริสเตียโน่ โรนัลโด้
หลายคนอาจคิดว่ามันดูเพ้อฝันหรือเกินความเป็นจริงไปไหนที่ โรนัลโด้ จะทำหน้าที่กุนซือพ่วงนักเตะ แต่หากมองคุณสมบัติในเวลานี้ “เฮียโด้” น่าจะเหนือกว่า ไมเคิ่ล คาร์ริค แน่นอน
ความเป็นไอดอลของสโมสร แพชชั่นในการเล่นที่แสดงให้เห็นในสนามมาตลอด การออกลีลากระตุ้นเพื่อนร่วมทีม และการแบกทีมมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายกลับมาเล่นให้ “ผีแดง” มันช่างเป็นคุณลักษณะที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่รักษาการณ์โค้ชจริงๆ
โรนัลโด้ เคยแสดงให้เห็นถึงการกระตุ้นทีมบริเวณข้างสนามมาแล้วทั้งกับทีมชาติโปรตุเกส, เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส และ แมนฯ ยูไนเต็ด จนบางครั้งนักวิจารณ์ลูกหนังหลายคนมองว่าเขามักทำเกินหน้าที่ตนเอง และไม่เห็นหัวโค้ช
ลองนึกภาพ “ซีอาร์ 7” สวมบทกุนซือพร้อมลงสนามด้วย น่าจะเป็นอะไรที่มันสุดๆ เพราะเขาจะต้องคิดแก้เกมอยู่ตลอดเวลา และสามารถทำได้ทันที เนื่องจากตนเองอยู่ในสถานการณ์จริง
กระนั้นหลายคนคงติดใจว่าหาก กัปตันทีมชาติโปรตุเกส รับบทบาทผู้จัดการทีมจริงๆ งานนี้เขาคงจับตัวเองลงเล่นตัวจริงทุกเกม และไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองออกจากสนามแน่นอน
อย่าลืมว่าในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีนักเตะที่สวมบทบาทผู้จัดการทีมไปพร้อมๆ กันมาแล้ว แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช ซึ่งเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมนำ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีก และเอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 1985/1986 ซึ่งเป็นการได้ดับเบิ้ลแชมป์ในซีซั่นแรกที่เป็นกุนซือซะด้วย
งานนี้แมนฯ ยูไนเต็ด จะลองใช้ โรนัลโด้ ก็ไม่เสียหาย เพราะนักเตะพร้อมรับความท้าทายนี้ แต่บอร์ดบริหารจะกล้าพอหรือเปล่า…..