หลังจากเสร็จสิ้นโปรแกรมศึกลูกหนังที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “เวิลด์ คัพ 2022” ที่ประเทศกาตาร์ เป็นเจ้าภาพ ทุกอย่างก็เข้าสู่ สภาวะปกตินั่นก็คือเกมลีกต่างๆที่จะกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้ง ซึ่งลีกที่เปิดฉากฟาดแข้งเร็วที่สุดก็ไม่พ้น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เจ้าเดิมที่คัมแบ็กกลับมาฟาดแข้งกันแบบไม่มีพักในช่วงคริสต์มาสยาวจนถึงปีใหม่เป็นประจำเกือบทุกปีอยู่แล้ว สำหรับในปีนี้พิเศษกว่าหลายปีที่ผ่านมาเล็กน้อย เพราะเกมพรีเมียร์ลีกนั้นจะฟาดแข้งกัน ทุกวันตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.นี้ ยาวไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคมปีหน้า เรียกได้ว่าเตะกันทุกวันจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ช่วงปีใหม่ยังมีหยุดพัก ให้ฉลองกัน 1 วัน แต่มาปีนี้สถานการณ์มันบีบเหลือเกินทำให้ต้องเตะกันถี่ยิบเพราะฟุตบอลโลกดันโยกมา เตะปลายปีทำให้โปรแกรมทุกอย่างต้องเลื่อนกันไปหมด ขนาดบรรดานักเตะที่ลงแข่งฟุตบอลโลกยังบ่นเลยว่าปกติเตะ “เวิลด์ คัพ” เสร็จก็จะได้พักผ่อนหย่อนกาย แต่มาครั้งนี้ต้องมาเดินหน้ารับใช้สโมสรกันต่อเลย ในช่วงเวลาหฤโหดนี้ทีมต่างๆก็จะต้องลงเตะ อย่างน้อย 3 แมตช์ ซึ่งถ้าหากฟอร์มดีเก็บชัยชนะได้รวดก็มีโอกาสขยับอันดับได้แบบรวดเดียวเลย ก็มีหลายต่อหลายครั้งที่บรรดาทีมต่างๆที่โชว์ฟอร์มดีในช่วงปลายปีแบบนี้ก็จะได้ตำแหน่งที่ตัวเองต้องการ ถ้าหากชนะรวดทั้ง 3 นัด ทีมที่ไต่อันดับลุ้นแชมป์ก็มีโอกาสไปยืนหัวตาราง เช่นเดียวกับทีมที่ดิ้นรนหนีการตกชั้นถ้ามาท็อปฟอร์มช่วงนี้พุ่งพรวดขึ้นมาอยู่เหนือโซนอันตรายได้ก็มีโอกาสรอดตกชั้นสูง อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพลาดท่าพ่ายแพ้รวด ทั้ง 3 นัด ก็อาจจะทำให้อันดับแย่ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอาร์เซนอล จ่าฝูง อยู่ดีๆ แพ้รวด …
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คัมแบ็กกลับมาฟาดแข้งกันแบบไม่มีพักในช่วงคริสต์มาสยาวจนถึงปีใหม่ Read More »