พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2021-22 ได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเปิดไลน์อัพของ 4 ทีมที่เป็นเต็งลุ้นแชมป์ในซีซั่นนี้
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2021-22 ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา (ศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2564) โดยที่ คู่เปิดสนามอย่าง เบรนฟอร์ด-อาร์เซนอล ผลปรากฏว่า น้องใหม่สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2 ต่อ 0
เหล่าบรรดาทีมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเริ่มทยอยลงแข่งขันกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยแต่ละทีมก็มีการปรับตัวผู้เล่นและสภาพทีมไปบ้างมาดูกันว่า 11 ผู้เล่นของ 4 ทีมดังเหล่านี้จะใช้ใครเป็นกำลังหลักตลอดปี 2021-22 บ้าง
1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แชมป์เก่า อย่าง “เรือใบสีฟ้า” ในตลาดซื้อขายรอบนี้ไม่ได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะหลายๆ
คนแบบที่แล้วมาแต่เป็นการทุ่มตั้งซื้อคนเดียว คือ แจ็ค กรีลิซ ซึ่งนับเป็น สถิติสูงสุดของเกาะอังกฤษ เลยทีเดียว
ทำให้ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะเป็นตัวหลักของทีม จะยังเป็นเหล่าบรรดาแข้งหน้าเดิมๆ ที่อยู่ในชุดแชมป์เมื่อซีซั่นก่อน ในระบบหลัก 4-3-3 นำทัพมาโดย ผู้รักษาประตูอย่าง เอแดร์สัน 4 กองหลัง ไล่จากฝั่งขวา รับหน้าที่โดย ไคล์ วอล์คเกอร์ และแบ็กซ้ายอย่าง ชูเอา คันเซโล ส่วน 2 เซ็นเตอร์แบ็กยังคงเป็น รูเบน ดิอาส และ จอห์น สโตนส์
ขณะที่กองกลาง 3 คน จะมี ฟิล โฟเดน และ อิลคาย กุนโดกัน ในตำแหน่งตัวเชื่อมบอล ให้ เควิน เดอ บรอยน์ ทำเกมกับ 3 ประสานในแดนหน้าอย่าง แจ็ค กรีลิซ, ราฮีม สเตอร์ลิง และ ริยาด มาห์เรซ และแม้ว่าจะไม่มีศูนย์หน้าอาชีพแบบ เซร์คิโอ อเกวโร ระบบของ เป๊ป กวาดิโอลา จะกลับไปสู่ยุคสมัยที่เขาคุม บาร์เซโลนา ช่วงแรก แบบเต็มขั้น
2.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รองแชมป์ 2 รายการเมื่อ ซีซั่นที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยน 2 ตำแหน่งหลักๆ หลังจากเข้ามาของ ราฟาเอล วาราน และ จาดอน ซานโช
ทำให้หน้าตาของ 11 ผู้เล่นในทีม ปิศาจแดง จะมีความเปลี่ยนไปอยู่บ้างจากเดิม โดยที่ ผู้รักษาประตูยังคงเป็น ดาบิด เด เคอา ส่วน แผงหลัง 4 คน จะมี อารอน วาน-บิสซาก้า และ ลุค ชอว์ ยังคงรับบท แบ็ก 2 ข้าง และยืนคู่กับ แฮร์รี แม็คไกวร์ และ ราฟาเอล วาราน 2 เซ็นเตอร์แบ็กค่าตัวแพงของทีม
ในแดนกลางยังคงเป็น 3 ประสานหน้าเดิมอย่าง ปอล ป็อกบา จับคู่กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ในตำแหน่งกลางรับ และมีเพลย์เมคเกอร์อย่าง บรูโน แฟร์นันด์ส ยังคงเป็นหัวใจของทีมในปีนี้ ขณะที่ แดนหน้า ฝั่งซ้ายเป็นหน้าที่ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ จาดอน ซานโช ในฝั่งขวา และ เอดินสัน คาวานี ในตำแหน่งศูนย์หน้า
3.ลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” ของ เยอร์เกน คลอปป์ ในซีซั่นนี้ ไม่มีผู้เล่นเข้ามาให้ฮือฮาแบบตลาดครั้งก่อนๆ มีเพียงแค่ อิบราฮิมา โกนาเต เพียงคนเดียวในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก โดยสาเหตุที่ไม่มีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเหมือนตลาดรอบก่อนเป็นเพราะว่า เหล่าบรรดาแข้งดังอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจ โกเมซ ที่เจ็บยาวมาจากซีซั่นก่อน ก็ได้กลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมลงในซีซั่นนี้แล้ว
ทำให้ 11 ผู้เล่น ยังคงเป็นโฉมหน้าคล้ายๆ เดิม ไล่จาก ผู้รักษาประตูอย่าง อลิสซง เบ็คเกอร์ แบ็กซ้ายเป็น แอนดรูส์ โรเบิร์ตสัน และแบ็กขวาอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงทำเกมริมเส้น ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจ โกเมซ เป็น 2 เซ็นเตอร์แบ็กหลักในซีซั่นนี้
ขณะที่ 3 ประสานในแดนกลาง แม้ทีมจะศูนย์เสีย จอร์จิโอ ไวนัลดุม ไปให้กับ เปแอสเช ทีมดังในฝรั่งเศส คาดการณ์ว่าทีมจะดัน ติอาโก อาคันทาลา ขึ้นมาลงเต็มตัวในปีนี้ โดยมี ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คอยสนับสนุน ส่วน แดนหน้ายังคงเป็น 3 ประสานเดิมอย่าง ซาดิโอ มาเน โรแบร์โต ฟิร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
4.เชลซี
เจ้ายุโรป 2 รายการ ทั้ง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ที่มี โธมัส ทูเคิล เป็นหัวเรือใหญ่ มีระบบทีมที่น่าสนใจเป็นอย่างมากทั้ง ตัวจริง และตัวสำรอง มีระดับที่ใกล้เคียงกันทั้งทีม ทำให้ นักเตะคนไหนก็สามารถลงสนามได้ อีกทั้งยังดึง โรเมลู ลูกากู อดีตเด็กเก่ากลับมาจาก อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวสูงเกือบ 100 ล้านปอนด์
ทำให้ โฉมหน้า 11 ผู้เล่นจะประกอบไปด้วย เอดูอาร์ เมนดี ในตำแหน่งผู้รักษาประตู ขณะที่ 4 กองหลังไล่จาก ซ้ายไปขวา นำโดย เบน ชิลเวลล์,ติอาโก ซิลวา,อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และ รีช เจมส์ ส่วนแดนกลาง ตัวรับนำโดย เอ็นโกโล ก็องเต้ และ จอร์จินโญ ยืนคุมเกมแดนกลาง และ เมสัน เมาท์ เป็นเพลย์เมคเกอร์ของทีม
ขณะที่ 3 ประสานในแดนหน้า นอกจากจะมี ลูกากู ในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าแล้ว ยังมีอีก 2 ผู้เล่นจอมพริวอย่าง ไค ฮาแวทซ์ และ คริสเตียน พูลิซิช ยืนขนาบ 2 ข้างของ ลูกากู