กุนซือแอตเลติโก มาดริด ไม่ขอโวยถึงจังหวะที่ไม่ได้จุดโทษ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนเกม ชี้ เชลซี สมควรเข้ารอบ 8 ทีม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มากกว่า
วันที่ 18 มี.ค. 64 ควันหลงฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีม นัดที่ 2 ซึ่ง เชลซี ที่ชนะมาก่อนในเลกแรก 1-0 เปิดบ้านย้ำแค้น แอตเลติโก มาดริด 2-0 รวม 2 นัดชนะ 3-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-2014 ในยุคที่ โชเซ มูรินโญ เป็นกุนซือ โดยจะมีการจับสลากประกบคู่ในวันศุกร์ที่ 19 มีนาคมนี้
แต่เกมนี้มีประเด็นให้ถกเถียงในนาทีที่ 26 ซึ่งยังเสมอกันอยู่ 0-0 เมื่อ เซซาร์ อัซปิลิเกวตา จ่ายคืนหลังพลาด จน ยานนิค การ์รัสโก เกือบหลุดเดี่ยวเข้าไปลุ้นทำประตู ก่อนที่กองหลังกัปตันทีมเชลซีจะไปคว้าตัวปีกทีมชาติเบลเยียมจนล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับไม่เป่าให้เป็นจุดโทษ และวีเออาร์ก็ไม่มีการเช็กย้อนหลังด้วย
หาก แอตเลติโก มาดริด ได้จุดโทษจากจังหวะนี้ก็มีโอกาสที่สกอร์รวมจะกลับมาเสมอกัน 1-1 ซึ่งหลังจากนั้น 8 นาที เชลซี ก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก ฮาคิม ซิเย็ค ก่อนที่ “ตราหมี” จะเหลือ 10 คน เมื่อ สเตฟาน ซาวิช โดนใบแดงในนาทีที่ 81 กระทั่งถูกปิดเกม 2-0 ในช่วงทดเจ็บครึ่งหลังจาก เอเมอร์สัน
อย่างไรก็ตาม ดิเอโก ซิเมโอเน ผู้จัดการทีมแอตเลติโก มาดริด ได้พูดถึงจังหวะปัญหานี้หลังจบเกมว่า “ผมไม่อยากหาข้ออ้าง พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า เมื่อคู่แข่งทำได้ดีกว่าคุณต้องแสดงความยินดีแล้วกลับมาตั้งหลักใหม่เพื่อคิดถึงการแข่งขันใน ลา ลีกา อีกครั้ง นัดแรกอาจจะสูสีกัน แต่วันนี้พวกเขาเหนือกว่า เราพยายามจะบีบสูงใส่ และทำให้เล่นลำบาก แต่พวกเขาก็เอาตัวรอดได้”