กุนซือแมนยูฯ เผยหลังได้คิวแดงเดือดใหม่ว่า เจ้าของสโมสรกล่าวขอโทษแฟนบอลกับเขาหลังไมค์และยินดีรับฟังความเห็น ส่วนการประท้วงขอให้ทำแบบสงบสันติ
วันที่ 6 พ.ค. 64 ควันหลงจากการประกาศวันแข่งขัน “เกมแดงเดือด” ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง เปิดบ้านพบ ลิเวอร์พูล อันดับ 7 ซึ่งถูกเลื่อนจากเดิมวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม หลังเกิดเหตุแฟนบอลเจ้าถิ่น “ปิศาจแดง” ประท้วงเจ้าของสโมสร ไปเป็นวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคมนั้น
ล่าสุด โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมแมนยูฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมยูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ซึ่งบุกไปเยือน โรมา ที่อิตาลีในคืนนี้ (เลกแรก เปิดบ้านชนะ 6-2) โดยพูดถึง “ตระกูลเกลเซอร์” ที่กำลังถูกแฟนบอลขับไล่และกดดันให้ขายทีมอย่างหนัก หลังสร้างความโกรธแค้นด้วยการนำสโมสรไปร่วมวง 12 ทีมแกนนำก่อตั้ง “ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก” เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนยอมถอนตัวเพราะฝืนกระแสไม่ไหว
ทั้งนี้ อัฟราม เกลเซอร์ หนึ่งในประธานสโมสรร่วมของ แมนยูฯ เพิ่งถูก สกาย สปอร์ตส นำภาพมาเผยแพร่ว่าได้ปฏิเสธที่จะกล่าวคำขอโทษแฟนบอลของสโมสรตามที่นักข่าวสาวที่ไปเกาะติดคอยยิงคำถาม ซึ่งน่าจะทำให้ความสัมพันธ์กับเหล่าสาวก “ปิศาจแดง” ยิ่งแย่ลงไปอีก
อัฟราม เกลเซอร์ (รูปขวา) เดินหนีนักข่าวสกาย สปอร์ตส โดยปฏิเสธที่จะเอ่ยคำขอโทษแฟนบอลแมนยูฯ ตามที่ถูกยิงคำถาม
อย่างไรก็ตาม โซลชาร์ เปิดเผยว่า “ผมได้สื่อสารกับเจ้าของสโมสรมาตลอด และผมก็ได้รับคำขอโทษเป็นการส่วนตัว พวกเขายังกล่าวคำขอโทษถึงแฟนบอลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ด้วย พวกเขาทุกคนยอมรับว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันผิด ส่วนเรื่องนี้ตัวผมเองอยู่ในตำแหน่งที่วางตัวลำบาก เพราะผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด พวกเขาฟังผมและก็ฟังแฟนบอลด้วย ผมมั่นใจว่าการสื่อสารที่ดีขึ้นกำลังจะตามมา”
ส่วนการประท้วงสโมสรของแฟนบอลแมนยูฯ ที่เกิดขึ้นถึง 3 ครั้งในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่มีการปะทะกับตำรวจจนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย และต้องเลื่อนเกมแดงเดือดไปด้วย โซลชาร์ กล่าวว่า “มันเป็นวันที่ลำบากของเรา แน่นอนว่าเราอยากลงเล่นและเอาชนะ ลิเวอร์พูล เพื่อแฟนบอล เพราะหน้าที่ของเราคือการทำผลงานและคว้าผลการแข่งขันที่ดีในสนาม”
“นั่นคือสิ่งที่ผู้เล่นและผมโฟกัส แต่อย่างที่ผมเคยบอกก่อนเกมว่าเราต้องเปิดใจรับฟังเสียงสะท้อนจากแฟนบอล มันเป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะประท้วง แต่มันต้องเป็นไปอย่างมีอารยะ อยู่ภายใต้หลักความสงบและสันติ โชคร้ายที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ มันจึงเกิดเป็นรอยแผลของปัญหาขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เกินเลยไปมากกว่าการแสดงออกเพื่อเสนอความคิดเห็น”