กุนซือลิเวอร์พูลหวังว่าการแพ้ เบิร์นลีย์ คาบ้านในพรีเมียร์ลีกจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังกระตุ้นให้ลูกทีมคืนฟอร์มเก่งก่อนบู๊ แมนยูฯ ในเอฟเอ คัพ
วันที่ 24 ม.ค. 64 ความเคลื่อนไหวก่อนเกมเอฟเอ คัพ อังกฤษ คู่เอกประจำรอบ 4 ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เตรียมเปิดบ้านทำศึกแดงเดือด ภาค 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ติดต่อกันกับ ลิเวอร์พูล อันดับ 4 จากลีกเดียวกัน หลังเพิ่งเสมอกันมา 0-0 ที่แอนฟิลด์ในเกมลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ “หงส์แดง” ทีมเยือนกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างหนัก หลังจากไม่ชนะใครในพรีเมียร์ลีกตลอด 5 นัดหลังสุด โดยเสมอ 3 ครั้ง แพ้ 2 เกม ซึ่งนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2021 เพิ่งคว้าชัยแค่หนเดียวในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่บุกไปชนะ แอสตัน วิลลา ซึ่งใช้ผู้เล่นชุดยู-23 ผสมกับยู-18 ลงเล่นแทนทีมชุดใหญ่ที่ติดเชื้อโควิด-19 หลายรายไป 4-1
แต่ เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลก็ออกมาตั้งความหวังว่าการแพ้ เบิร์นลีย์ คาบ้านในเกมลีกนัดล่าสุดจะเป็นจุดเปลี่ยนให้ลูกทีมกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง “การที่เราแพ้เกมนั้นอาจเป็นจุดตกต่ำของเราก็จริง เมื่อผมลองคิดทบทวนดูอีกทีก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมเราจึงแพ้ แต่เราก็แพ้ไปแล้ว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นบางครั้งคุณต้องใช้สิ่งนั้นแปรเปลี่ยนให้มันกลับมาอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง และแน่นอนว่าตอนนี้เราจะกลับมาตั้งหลักใหม่”
“ถ้าคุณชนะในเกมที่เล่นแย่ คนทั้งโลกก็คงจะบอกว่ามันไม่ใช่ฟุตบอลในแบบที่พวกเขาเคยเล่นกัน แต่พวกเขากลับมาได้ผลการแข่งขันตามที่ต้องการแล้ว แต่ในระยะยาวมันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ซึ่งผมก็พอจะนึกภาพออกว่าคนอื่นๆ นึกถึงพวกเราอย่างไรในตอนนี้” กุนซือชาวเยอรมัน ทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล มีสถิติไม่ค่อยดีนักในการดวลกับ แมนยูฯ ในศึกเอฟเอ คัพ โดยก่อนหน้านี้พบกัน 17 ครั้ง “หงส์แดง” แพ้ไปถึง 9 นัด มากกว่าการเจอกับคู่แข่งทีมอื่นๆ ในรายการนี้ ส่วน 8 เกมที่เหลือชนะ 4 เสมอ 4 และเคยชนะ “ปิศาจแดง” ในการออกไปเยือนแค่ครั้งเดียว ในนัดรีเพลย์ รอบแรก ปี 1921 (ชนะ 2-1)