ชำแหละ 4 สิ่งที่ได้เห็นจากเกม ลิเวอร์พูล โดน เบิร์นลีย์ บุกสอยคารัง

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ช็อกตาตั้ง พ่ายแพ้ เบิร์นลีย์ คาบ้าน 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้

1.โอริกีน่าผิดหวัง

ถ้าพูดถึงจังหวะที่น่าเสียดายที่สุดของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ในนาทีที่ 43 เมื่อ เบน มี กองหลังของเบิร์นลีย์ ส่งบอลคืนหลังพลาดมาเข้าทาง ดิวอค โอริกี ได้โอกาสควบพาบอลหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ เชื่อว่าเดอะค็อปทั้งโลกเตรียมรอเฮกันอย่างเต็มที่ แต่สุดท้าย โอริกี ดันยิงไปชนคานดังสนั่น เรียกได้ว่าน่าผิดหวังสุดๆ แบบเกินบรรยาย ทำให้ทีมชวดขึ้นนำซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนในเกมนี้ได้ ความจริงแล้ว โอริกี เขาควรจะใช้โอกาสที่ เยอร์เกน คลอปป์ ส่งลงสนามเป็นตัวจริงในการพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอที่จะเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้มันก็คงเพียงพอที่จะทำให้ คลอปป์ ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับ โอริกี และยิ่งมีข่าวว่าทีมในบุนเดสลีกา เยอรมนี อย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก สนใจที่จะยืมตัวไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาลบนี้ บางทีมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อให้เจ้าตัวได้ไปเรียกความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้ง

2.นิค โป๊ป โชว์หนึบ

ต้องบอกเลยว่ากุญแจสำคัญแห่งชัยชนะของ เบิร์นลีย์ นอกจากจะเป็น แอชลีย์ บาร์นส์ ที่เป็นคนเรียกจุดโทษและซัดประตูชัยในเกมนี้แล้ว ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ นิค โป๊ป ผู้รักษาประตูดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่โชว์ฟอร์มเซฟอย่างอุตลุต โดยในครึ่งแรกเซฟลูกยิงของ แชมเบอร์เลน, โอริกี และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้นครึ่งหลังมาเซฟลูกยิงที่เกือบจะเข้าอยู่แล้วของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ รวมถึงเซฟลูกยิงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้อย่างน่าชื่นชม และยังออกมาตัดลูกกลางอากาศได้อีกหลายครั้ง

3.เบิร์นลีย์มาดีจริง

ต้องยกย่อง ฌอน ไดช์ ผู้จัดการทีมเบิร์นลีย์ที่วางแผนและแท็กติกมาสู้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างรัดกุมเหมาะสม แม้จะชัดเจนว่าพวกเขาต้องเล่นเกมรับเป็นพิเศษเพื่อหวังบุกมาเอาแต้มออกไปจากถิ่นแอนฟิลด์ ทำให้เราได้เห็นนักเตะ ของ เบิร์นลีย์ ลงมาช่วยกันเล่นเกมรับ ตั้งโซนกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้หงส์แดงไม่สามารถเจาะเข้าทำเกมรุกได้ตามถนัด แถมพอทะลุมาได้ ก็ดันมาเจอความเหนียวหนึบของ นิค โป๊ป เข้าไปอีก และยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ นักเตะลิเวอร์พูลก็ยิ่งกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่สุดท้าย เบิร์นลีย์ จะมาเร่งเครื่องช่วงท้ายเกม อาศัยการเล่นเพียงไม่กี่จังหวะจนทำให้ แอชลีย์ บาร์นส์ ได้เข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ อลิสสัน เบคเกอร์ จอมหนึบของหงส์แดง ก่อนที่ บาร์นส์ จะโดน อลิสสัน ทำฟาวล์ร่วงลงไป และเป็น บาร์นส์ ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษพา เบิร์นลีย์ เก็บ 3 คะแนนกลับบ้าน ซึ่งมันมากกว่าเป้าหมายที่พวกเขาตั้งเอาไว้เสียอีก! เรื่องต่อมาที่ต้องชมก็คือการที่ ไดช์ สั่งให้ลูกทีมเข้าบอลเร็วใส่นักเตะลิเวอร์พูล บวกเป็นบวก ชนเป็นชน เพราะทำให้แข้งหงส์แดงไม่สามารถพลิกบอลไปข้างหน้าได้อย่างที่ต้องการและทำให้เกมรุกของเจ้าถิ่นติดๆ ขัดๆ อยู่ตลอดเวลา และปิดท้ายด้วยลูกกลางอากาศที่เป็นจุดเด่นของเบิร์นลีย์ ที่ยังคงใช้ได้ผลในเกมนี้ เพราะในจังหวะได้จุดโทษก็มาเริ่มต้นมาจากการเปิดบอลโด่งเข้าใส่แนวรับหงส์แดงที่สกัดออกมาไม่ขาดจนได้โหม่วย้อนกลับเข้าไปในเขตโทษหงส์แดงอีกทีจนได้จุดโทษในที่สุด

4.ลิเวอร์พูลเสียสถิติโหด-ลุ้นแชมป์เหนื่อย

จากการปราชัยคาถิ่นแอนฟิลด์ในครั้งนี้ ถือเป็นความพ่ายแพ้ของ “หงส์แดง” ในเกมพรีเมียร์ลีกคาบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 69 นัด หลังก่อนหน้านี้ 68 เกม พวกเขาชนะไปถึง 55 นัด และเสมอ 13 นัด โดยความพ่ายแพ้ล่าสุดเกิดขึ้นในเกมที่แพ้ คริสตัล พาเลซ 1-2 เมื่อเดือนเมษายน ปี 2017 ซึ่งต้องบอกตามตรงว่านอกจากจะเสียสถิติอันสุดยอดแล้ว มันยังทำให้เส้นทางการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้เป็นเรื่องยากลำบากมากขึ้นไปอีก เพราะปัจจุบันรั้งอันดับ 4 ของตาราง มีแต้มตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยุไนเต้ด อยู่ถึง 5 คะแนน จากการลงเล่น 19 นัดเท่ากัน ส่งผลให้นับจากนี้เป็นต้นไป หงส์แดง ต้องกลับสู่เส้นทางแห่งชัยชนะให้ได้ หากยังหวังที่จะคว้าแชมป์ โดยคู่แข่งนัดต่อไปของพวกเขาก็ถือว่าหนักหนาสุดๆ เมื่อต้องบุกไปเยือน “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ต้องมารอดูกันว่าทีมของ เยอร์เกน คลอปป์ จะกลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้งหรือไม่