“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดแดงเดือด คืนวันนี้ (2 พ.ค. 64)
ความเคลื่อไหวศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 ประจำวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ค. 64 คู่ที่น่าสนใจ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 2 ของตาราง จะเปิดสนามโอลด์ แทรฟเฟิร์ด รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อันดับ 6 ของตาราง เริ่มแข่ง 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดช่อง พีพีทีวี เอชดี และ True Premier Football HD 1
เกมนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สามารถใช้งาน อองโตนี มาร์กซิยาล กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส กับ ฟิล โจน์ กองหลังชาวอังกฤษ ที่มีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นตัวหลักคนอื่นๆ พร้อมลุย นำมาโดย บรูโน เฟอร์นันเดส, พอล ป็อกบา และ เอดินสัน คาวานี ส่วน ผู้รักษาประตู ดีน เฮนเดอร์สัน จะกลับมาเฝ้าเสาเป็นตัวจริงแทนที่ ดาบิด เดเคอา ที่ได้ลงเล่นเกมยูโรปาลีกเมื่อกลางสัปดาห์ ส่วนกองหน้า เอดินสัน คาวานี ที่ซัดไป 2 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ ในเกมล่าสุดจะรับหน้าที่ลงล่าตาข่าย
ขณะที่ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติมจากที่เดี้ยงก่อนอยู่แล้วอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ โจเอล มาติป คาดว่าเกมนี้ กุนซือชาวเยอรมัน จะส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำมาโดย 3 ประสานแนวรุก ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน
สถิติพบกัน 5 ครั้งหลังสุด: แมนยู ชนะ 1 ครั้ง ลิเวอร์พูล ชนะ 1 ครั้ง และเสมอกัน 3 ครั้ง นัดล่าสุดที่เจอกัน แมนยูฯ ชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 ในเอฟเอคัพ
วิเคราะห์: เกมนี้ทั้งสองทีมจะเปิดเกมแลกกันแบบไม่มีใครยอมใคร สมกับเป็นศึกแดงเดือดอย่างแน่นอน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการชัยชนะเพื่อไม่ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ฉลองแชมป์เร็วเกินไป เพราะถ้าปิศาจแดงแพ้หงส์แดง จะทำให้ เรือใบสีฟ้า การันตีแชมป์ทันที ส่วน ลิเวอร์พูล ก็ต้องการชัยชนะอย่างที่สุด เพื่อโอกาสในการลุ้นติดท็อปโฟร์ไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า เพราะเวลานี้พวกเขามีแต้มตามหลัง เชลซี อันดับ 4 ห่างถึง 7 คะแนนนั่นเอง แต่ดูแล้วความมั่นใจน่าจะอยู่ที่ฝั่งปิศาจแดงมากกว่า เพราะพวกเขาเพิ่งจะเปิดบ้านถล่ม โรมา มา 6-2 ในเกมยูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรกที่ผ่านมา ส่วนทาง ลิเวอร์พูล ไม่ชนะใครมา 3 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ นัดล่าสุดในลีกก็พลาดท่าโดน นิวคาสเซิล ตามตีเสมอในช่วงทดเจ็บ และจะลงสนามด้วยความกดดันอย่างแน่นอน เพราะพวกเขารู้ดีว่าการพ่ายแพ้ให้กับยูไนเต็ดจะทำให้พวกเขาอาจชวดคว้าตั๋วแชมเปียนส์ลีก คาดว่ารูปเกม ลิเวอร์พูล น่าจะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า แต่ แมนยูฯ จะอาศัยเกมโต้กลับเร็วของบรรดาตัวรุก และความเฉียบคมของ เอดินสัน คาวานี เป็นทีเด็ดเบียดสู่ชัยชนะได้สำเร็จ
ทำนายผล: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1