คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าผู้รักษาประตูที่เคยได้ชื่อว่าเหนียวหนึบมากที่สุดคนหนึ่งของโลกในยุคนี้นามว่า ดาบิด เด เคอา นายทวารชาวสเปนของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีฟอร์มและมาตรฐานที่ตกลงไปเรื่อยๆ และตกลงไปอย่างน่าใจหายในขวบซีซั่น 2019-20 ที่ผ่านมา และนับตั้งแต่ชอตที่ตัวเขาเตะบอลไปติดบล็อก โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน หัวหอกของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เข้าประตูไปอย่างชวนตะลึงทั้งโลก ในเกมลีกนัดที่ 28 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2020
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความชอบธรรมกับการถือครองสัมปทานตำแหน่งผู้รักษาประตูที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเขามานับตั้งแต่ย้ายจาก “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด มาสู่ชายคาโรงละครแห่งความฝัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2011 ต้องแปรเปลี่ยนเป็นความไม่แน่นอนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอีกต่อไป เรียกได้ว่าสั่นคลอนอย่างหนักเลยทีเดียว
ความผิดพลาดดังกล่าวของ ดาบิด เด เคอา ทำให้บรรดากูรูลูกหนังชื่อดังหลายคนต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเขาในแง่ลบ โดยคนที่ถือว่าแสดงความคิดเห็นได้อย่างดุเดือดมากที่สุดเห็นจะเป็น รอย คีน อดีตกองกลางกัปตันทีมพันธุ์บ้าระห่ำออกมาจวกถึง ดาบิด เด เคอา ด้วยใจความที่ว่า ถ้าผมเป็นนักเตะหรือผู้จัดการทีมผมคงฆ่าเขาไปแล้วแน่ๆ เขารออะไรอยู่ในจังหวะนั้น มันบ้าไปแล้ว มันดูเหมือนกับว่าจังหวะนั้นมันจะมาจากความเย่อหยิ่งของเขา ผมคงกระทืบเขาไปแล้วในช่วงครึ่ง มันไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเลยกับจังหวะนี้
เดิมที่ตอนแรกหลายฝ่ายคาดการณ์กันไว้ว่า การที่ ดาบิด เด เคอา เหมือนสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัวน่าจะเป็นเพราะเรื่องของเขาอยู่ระหว่างการเจรจาขยายสัญญาฉบับใหม่ออกไปดั่งเช่นครั้งแรก แต่ทว่าหลังเสร็จสิ้นการขยายสัญญาฉบับใหม่ที่ยาวไปถึงปี 2023 ด้วยตัวเลขมูลค่าราว 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ฟอร์มของเขาก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น หนำซ้ำจะมีข้อผิดพลาดมากขึ้นกว่าเดิม ชอตเซฟยากๆ ก็ยังมีให้เห็น แต่กลับมีชอตพลาดที่แทบไม่เคยมีให้เห็นก็ได้เห็นกันถี่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเป็นลูปนรกที่เป็นมาตรฐานใหม่ในเวอร์ชั่นที่แย่ลงของเขาไปแล้ว
โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีม แก้ต่างด้วยการบอกกับสื่อครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ตัวเขาคงไว้วางใจในตัว ดาบิด เด เคอา เหมือนเดิม แต่กระนั้นหลักฐานที่สวนทางกับคำพูดนั่นคือ ทีมได้ไปดึงตัว ดีน เฮนเดอร์สัน กลับมาร่วมทีม หลังทำผลงานในระหว่างย้ายไปเฝ้าเสาในรูปแบบยืมตัวกับ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ตลอดระยะเวลา 2 ปีได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งพาทีมทีมเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก เมื่อ 2 ปีก่อน กลับพาทีมจบอันดับที่ 9 ในลีกซีซั่นที่ผ่านมา ชนิดที่มีลุ้นไปลุยถ้วยยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูโรปาลีก แต่กระนั้นกลับมาแผ่วปลายหลุดวงโคจรช่วงโค้งสุดท้าย
แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่การกลับมาเฉยๆ เพราะทาง ยอดทีมแห่งถิ่น โอลด์ แทรฟเฟิร์ด จัดการจับ ดีน เฮนเดอร์สัน ขยายสัญญาฉบับใหม่ออกไปถึงเดือนมิถุนายน ปี 2025 พร้อมเงื่อนไขขยายต่อเพิ่มอีก 1 ปี รับค่าเหนื่อยที่ว่ากันว่าอยู่ที่ 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งมันบ่งบอกไว้ว่าสโมสรวางเขาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมในอนาคตอันใกล้ ซึ่งอนาคตอันใกล้ที่ว่านั้นอาจจะเป็นในฤดูกาลนี้เลยก็เป็นได้
ซึ่งทาง ปีเตอร์ ชไมเคิล ตำนานผู้รักษาประตูชาวเดนมาร์ก ชุดทริปเปิลแชมป์เมื่อปี 1999 ได้ออกมาให้ความเห็นเมื่อไม่นานมานี้ด้วยใจความที่ว่า ดีน เฮนเดอร์สัน ยังไม่พร้อมที่จะก้าวขึ้นไปเป็นมือหนึ่งของทีม เนื่องจากในระหว่างเฝ้าเสาให้กับ เชฟฟิลด์ฯ ไม่มีความกดดัน ขณะที่สโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่อนุญาตให้สร้างความผิดพลาดได้บ่อย ซึ่งเขาจำเป็นต้องมีประสบการณ์ในระดับเวทียุโรป อย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และทัวร์นาเมนต์อย่าง ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลยูโร เสียก่อนถึงจะพร้อมรับบทบาทสำคัญนี้
สถิติส่วนตัว ดาบิด เด เคอา เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เสีย 36 ประตู, เก็บได้ 13 คลีนชีต, เซฟในเกม 96 ครั้ง, เซฟจุดโทษ 0 ครั้ง, ชกบอล 9 ครั้ง, ตัดลูกกลางอากาศ 10 ครั้ง และ ออกมาตัดบอล (ตัวสุดท้าย) 3 ครั้ง ขณะที่ ดีน เฮนเดอร์สัน เสีย 33 ประตู, เก็บได้ 13 คลีนชีต, เซฟในเกม 97 ครั้ง, เซฟจุดโทษ 1 ครั้ง, ชกบอล 16 ครั้ง, ตัดลูกกลางอากาศ 20 ครั้ง และ ออกมาตัดบอล (ตัวสุดท้าย) 8 ครั้ง
ถ้าดูจากสถิติส่วนตัวระหว่างทั้งคู่แล้ว การเสียประตูหรือการเซฟไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ที่แตกต่างกันหลักๆ นั่นก็คือ ดีน เฮนเดอร์สัน ออกมาชกบอลถึง 16 ครั้ง ในขณะที่ ดาบิด เด เคอา ทำได้ 9 ครั้ง, ตัดลูกกลางอากาศ 20 ครั้ง ส่วน ดาบิด เด เคอา 10 ครั้ง รวมถึงการออกมาตัดบอลในจังหวะที่เป็นผู้เล่นตัวสุดท้ายมากถึง 8 ครั้ง แต่ว่า ดาบิด เด เคอา ทำได้แค่ 3 ครั้ง เพราะส่วนมากตัวเขามักจะยืนจังก้าอยู่ที่เขตปกครองพิเศษในกรอบเขตโทษหน้าประตูมากกว่า
เชื่อว่าตลอดช่วงที่เก็บตัวฝึกซ้อม โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชน่าจะต้องเห็นข้อดีข้อเสียของทั้ง ดาบิด เด เคอา และ ดีน เฮนเดอร์สัน ต้องดูว่า โซลชาร์ จะตัดสินใจภาพรวมในฤดูกาลนี้กับตำแหน่งดังกล่าวไว้แบบไหน จะแบ่งรายการลงทำหน้าที่ให้กับแต่คนละได้มีโอกาสลงสนามอย่างชัดเจนว่าคนไหนลงทำหน้าที่ในลีก หรือคนไหนลงทำหน้าที่ในบอลถ้วย
อีกหนึ่งทางเลือกอาจจะเริ่มต้นด้วยการให้รายแรกยืนพื้นลงทำหน้าที่เป็นมือหนึ่งไปก่อน และเมื่อก่อความผิดพลาดเกิดขึ้นจะเป็นทางรายหลังที่ได้เสียบตำแหน่งแทนวนลูปสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปแบบนี้ เรียกได้ว่ากลายเป็นสงครามแห่งการแย่งชิงตำแหน่งนายทวารผู้รักษาประตูภายใต้ชายคา โรงละครแห่งความฝัน ที่มีผู้ชนะเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น.
ผู้เขียน : iPoppz_5
กราฟิก : Sathit Chuephanngam
Credit : https://www.thairath.co.th/