กุนซือแมนฯ ซิตี้ สุดปลื้มพาทีมเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรก ชี้ความพยายามไม่สูญเปล่า เชื่อโชคชะตากำหนดเหมือนแชมป์ยุโรป 2 สมัยของ แมนยูฯ
วันที่ 5 พ.ค. 64 ควันหลงฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 คู่แรก ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดบ้านย้ำแค้น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รองจ่าฝูงลีกเอิง ฝรั่งเศส เอาชนะไป 2-0 จากการเหมาคนเดียว 2 ประตูของ ริยาด มาห์เรซ อีกทั้ง เปแอสเช ยังเหลือ 10 คน โดย อังเคล ดิ มาเรีย โดนใบแดงไล่ออกในนาทีที่ 69 จากการเล่นนอกเกมใส่ แฟร์นันดินโญ
ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” คว้าชัยด้วยสกอร์รวม 4-1 เข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกของสโมสร หลังจากมาไกลที่สุดแค่รอบรองชนะเลิศเมื่อฤดูกาล 2015-2016 ในยุคของ มานูเอล เปเยกรินี โดยจะรอพบผู้ชนะระหว่าง เชลซี ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรือ เรอัล มาดริด แชมป์สูงสุด 13 สมัยจาก ลา ลีกา สเปน ในวันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม ที่สนามอตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดียม ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
หลังจบเกม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมแมนฯ ซิตี้ ที่เข้ามารับงานเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ให้สัมภาษณ์อย่างมีความสุขว่า “นี่คือเรื่องน่าทึ่ง การเข้ารอบชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก ในตอนนี้ถือว่าสมเหตุสมผลกับสิ่งที่เราทำตลอด 4-5 ปีหลังสุด เพราะลูกทีมทุกคนรักษามาตรฐานคงเส้นคงวาในทุกๆ วัน”
“เราทำประตูชัยในนัดแรกจากการยิงฟรีคิกทะลุกำแพง (ของ ริยาด มาห์เรซ) และวันนี้ มาร์กินญอส ก็โหม่งชนคานในครึ่งแรก ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่ามันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่ ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยได้แชมป์เพราะ จอห์น เทอร์รี ลื่นล้ม (ชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษตัดสินก่อนคว้าแชมป์ปี 2008) และยังได้ 2 ประตูแซงชนะ บาเยิร์น มิวนิก ในช่วงทดเจ็บ (คว้าแชมป์ปี 1999)”
“นอกจากนี้ เรอัล มาดริด ก็เคยได้แชมป์ (ปี 2014) เหนือ แอตเลติโก มาดริด จากการตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+3 (ก่อนต่อเวลาพิเศษชนะ 4-1) นี่จึงเป็นรายการที่ยากมาก และบางครั้งต้องมีโชคชะตาหรืออะไรบางอย่างที่ฟ้ากำหนดเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
“ผมอยากขอบคุณเจ้าของสโมสร, ประธานสโมสร และทีมงานสตาฟฟ์ทุกฝ่ายที่สโมสร นี่คือสโมสรที่ทุกคนคอยทำงานอยู่เบื้องหลัง และมันไม่ใช่แค่เรื่องของเงินเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าพวกคุณจะคิดแบบนั้นแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าพวกคุณคิดผิดถนัด” กุนซือแมนฯ ซิตี้ ร่ายยาว