เบรนท์ฟอร์ด (9) – ลิเวอร์พูล (1)
วัน – เสาร์ 25 กันยายน 2564
เวลา – 23:30 น.
สนาม – เบรนท์ฟอร์ด คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม
สถิติ 5 นัดหลังสุดที่เจอกัน
5 นัดหลังสุดที่สองทีมได้มีโอกาสเจอกัน ลิเวอร์พูล ชนะ 5 นัด เบรนท์ฟอร์ด ช่วงหลังที่เจอกับ ลิเวอร์พูล พวกเขายังเอาชนะไม่ได้เลย แต่ทั้งคู่เคยจบด้วยผลเสมอ 1 นัด
18/03/1989- ลิเวอร์พูล ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 4-0
30/01/1984- เบรนท์ฟอร์ด แพ้ ลิเวอร์พูล 1-4
01/02/1984- ลิเวอร์พูล ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 4-0
30/01/1975- ลิเวอร์พูล ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1
17/05/1947- เบรนท์ฟอร์ด เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
ผลงาน 5 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ
เบรนท์ฟอร์ด
โอลด์แฮม(เหย้า) ชนะ 7-0 *ลีกคัพ
วูล์ฟแฮมป์ตัน(เยือน) ชนะ 2-0
ไบรท์ตัน(เหย้า) แพ้ 0-1
แอสตัน วิลล่า(เยือน) เสมอ 1-1
ฟอเรสต์ กรีน(เหย้า) ชนะ 3-1 *ลีกคัพ
ลิเวอร์พูล
นอริช (เยือน) ชนะ 3-0 *ลีกคัพ
คริสตัล พาเลซ(เหย้า) ชนะ 3-0
เอซี มิลาน(เหย้า) ชนะ 3-2 *UCL
ลีดส์ ยูไนเต็ด(เยือน) ชนะ 3-0
เชลซี(เหย้า) เสมอ 1-1
ความพร้อมก่อนเกมคืนนี้
เบรนท์ฟอร์ด
เกมนี้ทีมไม่มีรายงานเรื่องผู้เล้นบาดเจ็บหรือ ติดโทษแบนแต่อย่างใด เพราะ แชนด้อน แบปติสต์ พ้นโทษแบน กลับมาคืนสนามได้ตามปกติแล้ว ส่วนแกนหลักอย่าง เดวิด รายา , เซร์จี้ กานอส และ อิวาน โทนี่ย์ ที่ไม่ได้ลงเล่นช่วงกลางสัปดาห์ จะกลับมามีชื่อเป็นตัวจริงเหมือนเดิมทั้งหมด นอกจากนี้ก็ไร้ปัญหาเพิ่มเติม นักเตะที่คาดว่าจะถูกส่งลงสนาม ก็มี
เดวิด รายา – คริสโตเฟอร์ อาเจอร์ , พอนตุส ยานส์สัน , อีธาน พินน็อค – เซร์จี้ กานอส , คริสเตียน นอร์การ์ด , วิตาลี่ จาเนลท์ , แชนด้อน แบปติสต์ , ริโก้ เฮนรี่ – ไบรอัน เอ็มบูโม , อิวาน โทนี่ย์
ลิเวอร์พูล
เกมนี้จะไม่มีชื่อของ ติอาโก้ อัลกันตาร่า,นาบี้ เกอิต้า และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต ที่บาดเจ็บทั้งหมด แต่จะได้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ หายป่วยกลับมาออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ก็ไม่มีรายงานอะไรเพิ่มเติม นักเตะที่คาดว่าจะถูกส่งลงสนาม ก็มี
อลีสซง – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , โฌแอล มาติป , เฟอร์กิล ฟานไดค์ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ฟาบินโญ่ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , เจมส์ มิลเนอร์ – โม ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน่ , ดิโอโก้ โชตา
สรุปผล วิเคราะห์บอล
เบรนท์ฟอร์ด กลายเป็นทีมน้องใหม่หนึ่งเดียวที่ ออกสตาร์ทฤดูกาลได้ดีมากๆ เเต่นัดนี้อาจจะไม่ง่ายเหมือนหลายๆ เกมที่ผ่านมา เพราะต้องเจอกับ ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง เกมรุกไหลลื่นหวังผลได้ตลอด ส่วนแนวรับ ตั้งแต่ที่ได้ ฟานไดค์ หายเจ็บกลับมา ทีมก็เสียประตูน้อยมากๆ ดูแล้วรูปเกมส่วนใหญ่คงเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ครองบอล เปิดเกมรุกกดดันใส่ เบรนท์ฟอร์ด ตลอดทั้งเกม ซึ่งถ้าไม่ใช้โอกาสเปลืองจนเกินไป ลิเวอร์พูล น่าจะบุกมาเก็บสามคะแนนเต็ม ได้ไม่ยาก